
กุหลาบวันวาเลนไทน์
ศิมล ผู้เขียน
ผ่านพ้นปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ไม่ทันไร เวลาก็ล่วงเลยจนเข้าเดือนที่สองของปีกันเสียแล้ว คงเป็นเช่นที่เขาว่ากัน วันเวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมเสมอ และเพื่อต้อนรับการมาถึงของเดือนที่สุดพิเศษของปีอย่างเดือนกุมภาพันธ์เช่นนี้ ทางเราจึงจะขอหยิบยกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลที่เป็นดั่งตัวแทน
ของความรักมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน
หากแต่สิ่งที่จะแฝงไปกับเนื้อหาที่เราจะนำเสนอนั้น หาใช่แต่เรื่องราวของเทศกาลที่ว่าเพียงอย่างเดียวไม่ มนุษย์เราล้วนต้องการสิ่งจรรโลงจิตใจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งศิลปะเองก็ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่มนุษย์เรา
เลือกที่จะใช้เป็นการผ่อนคลาย หรือจรรโลงจิตใจด้วยเช่นกัน ดังนั้น เนื้อหาในบทความนี้
จะนำพาทุกท่านไปพบกับศิลปะที่มาพร้อมกับเทศกาลดังกล่าวกัน
วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) หรือ วันนักบุญวาเลนไทน์ ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก ในบางประเทศอาจจะมีประเพณีที่แตกต่างกัน
แต่โดยรวมของวาเลนไทน์คือการเฉลิมฉลองและการแสดงออกถึงความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันและกันทั้งสิ้น
แต่เดิมวันวาเลนไทน์เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้ซึ่งถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสต์ศักราช 269 เนื่องด้วยในยุคสมัยของพระเจ้าคลอดิอุสที่ 2 มีการตั้งกฎหมายว่าห้ามให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพราะพระองค์ต้องการให้ผู้ชายทุกคนในเมืองไปเป็นทหารออกรบในสงคราม ซึ่งการไม่มีพันธะจะทำให้ทหารเหล่านั้นไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่มีภรรยาหรือบุตรให้คิดถึง ทำให้สามารถสนใจและจดจ่ออยู่กับการศึกตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ แต่นักบุญวาเลนไทน์รู้สึกเห็นใจและสงสารคู่ชายหญิง
ที่มีความรักให้แก่กัน เขาจึงตัดสินใจแอบทำพิธีแต่งงานให้กับชายหญิงอย่างลับ ๆ
ไม่นานทหารของพระเจ้าคลอดิอุสก็ได้มาเห็น นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกจำคุกและถูกลงโทษอย่างแสนสาหัส
ซึ่งในระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในคุก คู่สามีภรรยาที่นักบุญวาเลนไทน์ได้ทำพิธีแต่งงานให้ก็มักจะมาเยี่ยมเยียนเขา
อย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งตัวของนักบุญวาเลนไทน์เองก็ยังได้พบรักกับหญิงตาบอด ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้คุม
ด้วยความรักที่เขามีต่อหญิงสาวผู้นั้น เขาจึงเฝ้าอธิฐานและวิงวอนขอให้พระเจ้าทรงโปรดรักษาดวงตาของสาวคนรักให้หายเป็นปกติ กระทั่งถึงวันประหารชีวิต นักบุญวาเลนไทน์ได้เขียนจดหมายถึงหญิงคนรัก พร้อมทั้งลงท้ายจดหมายนั้นด้วยคำว่า “From your Valentine (จากวาเลนไทน์ของคุณ)”
ภายหลังการจากไปของนักบุญวาเลนไทน์ ประชาชนที่ทราบเรื่องต่างรู้สึกประทับใจในการกระทำของเขามาก พระสันตะปาปาเกลาซิอุสจึงได้แต่งตั้งให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่นักบุญวาเลนไทน์ได้ถูกประหารชีวิตให้เป็นวันสำคัญ หรือก็คือวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักนั่นเอง
สัญลักษณ์แทนใจหรือของสำคัญในวันวาเลนไทน์คงไม่พ้นช็อกโกแลตและดอกกุหลาบเป็นแน่ ซึ่งดอกกุหลาบที่ว่านั้นก็มีหลากหลายสีสัน และแต่ละสีสันก็ต่างมีความหมายเป็นของตัวเองทั้งสิ้น
วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมารู้จักกับความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสีกัน
ดอกกุหลาบสีแดง
เมื่อพูดถึงเทศกาลวันแห่งความรัก กุหลาบแดงแทบจะเป็นแม่งาน
และเป็นตัวเลือกที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับวาเลนไทน์นี้
กุหลาบแดง หมายถึง ความรัก ความปรารถนา ความมุ่งมั่น ความหลงใหลในบุคคลนั้นอย่างลึกซึ้ง เมื่อเราต้องการบอกความในใจกับใครสักคนผ่านดอกไม้ “I Love You (ฉันรักเธอ)” กุหลาบแดงจึงเป็นการสารภาพรักอย่างตรงไปตรงมา
ดอกกุหลาบสีชมพู
นอกเหนือจากกุหลาบแดงแล้ว กุหลาบอีกสีที่ยอดฮิตในเทศกาลวันแห่งความรักนี้ไม่แพ้กันก็คงต้องยกให้ดอกกุหลาบชมพูนี่เอง
กุหลาบชมพู หมายถึง ความสง่างาม ความเป็นผู้หญิง ความประณีต และความอ่อนหวาน อีกทั้งยังหมายถึงความอ่อนโยนและความสุขด้วย เมื่อเราต้องการส่งมอบความรู้สึกดี ๆ หรือต้องการขอบคุณใครสักคน กุหลาบชมพูถือเป็นสารที่ส่งผ่านการแสดงออกที่ดีตัวเลือกหนึ่งเลยทีเดียว
ดอกกุหลาบสีขาว
กุลหลาบขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา และความวัยเยาว์ อีกทั้งยังแสดงถึงความรักความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่ค่อย ๆ ผลิบานขึ้นดั่งดอกกุหลาบในวันแรกแย้ม นอกจากนี้ กุหลาบขาวยังมักถูกใช้ในพิธีสำคัญอย่างการเป็นดอกไม้ในช่อบูเก้ของเจ้าสาวในวันแต่งงานอีกด้วย
ดอกกุหลาบสีครีม
กุหลาบครีม หรือ กุหลาบสีงาช้าง เริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากขึ้น แม้จะดูคล้ายคลึงกับกุหลาบขาว แต่ทว่าความหมายของมันนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กุหลาบครีม หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความรอบคอบ ความสง่างาม อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของความร่ำรวยและความสมบูรณ์แบบ หาที่ติไม่ได้ กุหลาบครีมหรือกุหลาบสีงาช้างจึงเป็นตัวแทนที่ดี สำหรับการบอกความรู้สึกห่วงใยให้ใครสักคน โดยที่ตัวเราหาได้หวังสิ่งอื่นสิ่งใดจากเขาหรือเธอผู้นั้นเลย
ดอกกุหลาบสีเหลือง
ในสมัยก่อน กุหลาบเหลือง หมายถึง ความหึงหวง ความอยากครอบครองเป็นเจ้าของ หากแต่ในสมัยนี้ ความหมายของกุหลาบเหลืองได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว
กุหลาบเหลือง หมายถึง มิตรภาพ ความยินดี ความห่วงใย ความอบอุ่น ความโชคดี นอกจากนี้ยังสื่อถึงการต้อนรับ และการระลึกถึงอีกด้วย กุหลาบสีเหลืองเป็นดอกกุหลาบที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งสำหรับการมอบให้เพื่อนสนิท เพื่อแสดงถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้น หรือใครสักคนที่เราต้องการจะส่งกำลังใจและความรู้สึกดีให้แก่เขา เพราะกุหลาบเหลืองเป็นตัวแทนแห่งความสดใส ผู้คนที่ได้รับดอกไม้สีนี้ไปต้องรู้สึกยินดีเปรมปรีดิ์ขึ้นอย่างแน่นอน
ดอกกุหลาบสีโอรส
กุหลาบโอรส หรือ กุหลาบสีพีช หมายถึง ความสุภาพ ความอ่อนโยน ความจริงใจ และความกตัญญู อีกทั้งยังเป็นตัวแทนที่สื่อถึงการขอบคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้กุหลาบสีโอรสหรือกุหลาบสีพีชยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่ใช้ในพิธีปิดการเจรจาหารือ หรือเป็นตัวเลือกที่ดีในการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อคนรักและเพื่อนสนิทได้เช่นกัน
ดอกกุหลาบสีส้ม
แม้จะดูคล้ายคลึงกับกุหลาบสีโอรสหรือกุหลาบสีพีช แต่ดอกกุหลาบส้มก็มีความหมายในตัวของตัวเองด้วย
กุหลาบส้ม หรือ กุหลาบสีแสด หมายถึง ความปรารถนา ความร้อนแรง ความหลงใหล และความกระตือรือร้น อีกทั้งยังเป็นภาษาที่หมายถึง “ฉันภูมิใจในตัวเธอ” ซึ่งเป็นการแสดงถึงความชื่นชมและความตื่นเต้นได้ด้วย ดังนั้นเมื่อเราต้องการส่งผ่านกำลังใจให้ใครสักคนที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ กุหลาบส้มก็สามารถใช้เป็นตัวแทนเพื่อสื่อความหมายเหล่านั้นได้ทั้งสิ้น
ดอกกุหลาบสีม่วง
กุหลาบม่วง หมายถึง ความงดงาม ความลุ่มหลง ความพิศวง และความลึกลับ เพราะกุหลาบสีม่วงนั้นถือเป็นกุหลาบที่มีความเป็นเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัว เช่นเดียวกันกับความรักความลุ่มหลงตั้งแต่แรกพบ ดังนั้นหากเราได้พบเจอกับใครสักคนที่ดึงดูดความสนใจและคว้าหัวใจของเราให้ไปอยู่ที่เขาคนเดียว กุหลาบสีม่วงถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เราจะมอบให้กับคน ๆ นั้น
ดอกกุหลาบสีดำ
กุหลาบสีดำ เป็นดอกกุหลาบที่สามารถถ่ายทอดความหมายได้อย่างมากมาย ส่วนใหญ่กุหลาบสีดำมักถูกใช้ในงานศพ เพราะสีดำมักหมายถึงความตาย การไว้ทุกข์ ความโศกเศร้าและการจากลา แต่ความหมายในเชิงบวกของกุหลาบสีดำนั้นหาใช่เช่นนั้นไม่
กุหลาบดำ หมายถึง การยืนหยัด การเริ่มต้นใหม่ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การสร้างแรงบันดาลใจ และการเตรียมพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต อีกทั้งกุหลาบดำยังหมายถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ แม้แต่ความตายก็ไม่อาจพรากตลอดกาลไปจากเราได้อีกด้วย
.jpg)
แก่นแท้ของความรัก หาใช่สิ่งของที่มีมูลค่าหรือดอกกุหลาบที่มีราคาแพงมหาศาลไม่ หากแต่มันคือความรู้สึกดี ๆ และความปรารถนาดีที่ผู้คนต่างมีให้กันและกัน ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสีที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ เป็นเพียงตัวแทนที่ผู้คนเลือก เพื่อแทนสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูดหรือบอกออกไปเท่านั้น
เช่นเดียวกัน แม้เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนแห่งความรัก แต่ทว่ากลับเป็นเดือนที่มีวันน้อยที่สุดของปี ความหมายอีกนัยหนึ่งก็เป็นการบอกให้เรารู้ว่า ความรักจะสั้นหรือยาวไม่ได้อยู่ที่วันเวลาที่คบกัน แต่อยู่ที่การทำทุกนาทีที่อยู่ร่วมกันมีค่าขึ้นมาต่างหาก
เพราะความรักและศิลปะอยู่รอบตัวพวกเราทุกคน
Happy Valentine’s Day